Adenia globosa
Adenia globosa | |
---|---|
สถานะการอนุรักษ์ | |
การจำแนกชั้นทางวิทยาศาสตร์ | |
อาณาจักร: | พืช Plantae |
เคลด: | พืชมีท่อลำเลียง Tracheophytes |
เคลด: | พืชดอก Angiosperms |
เคลด: | พืชใบเลี้ยงคู่แท้ Eudicots |
เคลด: | โรสิด Rosids |
อันดับ: | อันดับโนรา Malpighiales |
วงศ์: | วงศ์กะทกรก Passifloraceae |
สกุล: | Adenia Adenia Engl. |
สปีชีส์: | Adenia globosa |
ชื่อทวินาม | |
Adenia globosa Engl. | |
Subspecies[2] | |
|
Adenia globosa เป็นชนิดของของพืชมีดอกในวงศ์กะทกรก ถิ่นกำเนิดอยู่บริเวณเขตร้อนของแอฟริกา ในประเทศเอธิโอเปีย เคนยา โซมาเลีย และแทนซาเนีย[3]มีชื่อเรียกว่า mpaga ใน ภาษาสวาฮีลี.[4]
ลักษณะทางพฤกษศาสตร์
[แก้]ลักษณะเป็นไม้พุ่มกิ่งเป็นเถาเลื้อยยาวสูงได้ถึง 8 เมตร มีหนามยาวได้ถึง 8 เซนติเมตร ลำต้นมีลักษณะอวบอ้วนเป็นทรงกลมกว้างได้ถึง 2 เมตร จัดเป็นพืชอวบน้ำ ลักษณะใบเรียงสลับ รูปทรงสามเหลี่ยมแยกเป็น 3 พู ยาวไม่เกิน 7 มิลิเมตร มี 1 ปมอยู่บริเวรฐานใบ
ดอกมีสีเขียวเป็นดอกเดี่ยว หรือเป็นช่อกระจุกมากถึง 5 ดอกที่บริเวณซอกใบ พืชชนิดนี้เป็นพืชแยกเพศต่างต้นกันคือ ดอกเพศผู้ และดอกเพศเมียอยู่คนละต้น ดอกเพศผู้ยาวถึง 2 เซนติเมตรมีเกสรเพศผู้ 5 อัน ส่วนดอกเพศเมียยาว 1 เซนติเมตรมีเกสรเพศเมีย 3 อัน
ผลมีสีเขียวอมเหลือง ลักษณะทรงกลม หรือทรงไข่ ยาว 3 เซนติเมตร มีขน[4]
-
Adenia globosa 2 ต้นที่ทะเลสาบเอยาซี ใน ประเทศแทนซาเนีย
-
ที่สวนวัฒนธรรมดอกไม้ จังหวัดโอซาก้า
-
ลักษณะทรงต้นของ Adenia globosa
นิเวศวิทยา
[แก้]พบที่ เอธิโอเปีย[3] แทนซาเนีย เคนยา[5] และทางตอนใต้ของโซมาเลีย[6] ในเคนยาพบได้ทุ่งหญ้าสะวันนา ส่วนชนิดย่อย pseudoglobosa พบได้เฉพาะในหุบเขาทรุดที่ระดับความสูง 850-1650 เมตร แต่ชนิดธรรมดาไม่พบในหุบเขาทรุด พบได้ในความสูง 1 - 1500 เมตร[7]。
ประโยชน์และการนำไปใช้
[แก้]ไม้ประดับ
[แก้]เป็นที่นิยมเลี้ยงกันในหมู่นักเล่นและนักสะสมพันธุ์ไม้แปลกหายากทั่งในประเทศไทยและต่างประเทศทั่วโลก ส่วนใหญ่นิยมเป็นไม้ขุดจากป่าธรรมชาติเนื่องจากเป็นไม้โตช้าการเพาะจากเมล็ดใช้เวลานานกว่าจะได้รูปทรงที่สวยงามตามความนิยม การเลี้ยงในประเทศไทยทำได้ไม่ยาก มีข้อควรระวังคือไม่ควรชื้นหรือแฉะเพราะจะทำให้เน่า และควรพรางแสงไม่ให้ส่วนลำต้นหรือในภาษาวงการต้นไม้เรียกว่าโขดนั้นโดนแดดจัดโดยตรงเพราะจะทำให้ไหม้ได้
การขยายพันธุ์ทำได้โดยการเพาะเมล็ด และการปักชำกิ่ง ในประเทศไทยอาศัยการนำเข้าเมล็ดจากต่างประเทศมาเพาะ ยังไม่มีรายงานว่าสามารถผลิตเมล็ดได้ในประเทศไทย ส่วนการปักชำกิ่งนั้นสามารถทำได้ไม่ยาก แต่ข้อจำกัดคือกิ่งชำจะไม่มีส่วนของลำต้นหรือโขดเหมือนไม้เพาะเมล็ด กิ่งชำเมื่อเลี้ยงไปนาน ๆ อาจเกิดการสะสมอาหารที่กิ่งทำให้ดูอวบอ้วนคล้ายโขดขึ้นมาได้บ้าง แต่ใช้เวลานานและรูปทรงไม่สวยงามเหมือนไม้เพาะเมล็ด
ยา
[แก้]พืชชนิดนี้ถูกใช้เป็นยาพื้นบ้านแอฟริกาสำหรับแก้ปวดท้อง และแก้คัน ชนเผ่ามาซายใช้พืชชนิดนี้เป็นยาสำหรับรักษาปศุสัตว์[6]
อ้างอิง
[แก้]- ↑ IUCN SSC East African Plants Red List Authority (2013). "Adenia globosa". IUCN Red List of Threatened Species. 2013: e.T179491A1580420. doi:10.2305/IUCN.UK.2013-2.RLTS.T179491A1580420.en. สืบค้นเมื่อ 18 November 2021.
- ↑ "Adenia globosa Engl". The Plant List (2013). Version 1.1. สืบค้นเมื่อ 5 March 2014.
- ↑ 3.0 3.1 "Adenia globosa". Germplasm Resources Information Network (GRIN). สืบค้นเมื่อ 27 May 2022.
- ↑ 4.0 4.1 de Ruijter, A. 2007. Adenia globosa Engl. เก็บถาวร พฤษภาคม 3, 2014 ที่ เวย์แบ็กแมชชีน In: Schmelzer, G. H. and A. Gurib-Fakim (Eds.) Prota 11(1): Medicinal Plants/Plantes médicinales 1. PROTA, Wageningen, Netherlands.
- ↑ IUCN SSC East African Plants Red List Authority (2013).
- ↑ 6.0 6.1 de Ruijter (2008).
- ↑ Beentje (1994) .