สมเด็จพระราชชนนีพันปีหลวง
สมเด็จพระราชชนนีพันปีหลวง (อังกฤษ: queen mother สำหรับพระราชินี และ empress mother สำหรับพระจักรพรรดินี) คือ ภรรยาม่ายของพระมหากษัตริย์รัชกาลก่อน และเป็นพระราชมารดาของพระมหากษัตริย์รัชกาลปัจจุบัน[1] ในภาษาอังกฤษคำว่า queen mother เริ่มใช้มาตั้งแต่ ค.ศ. 1560[2]
ในสากล "Queen Mother" มักจะหมายถึงสมเด็จพระราชินีเอลิซาเบธ พระราชชนนีในสมเด็จพระราชินีนาถเอลิซาเบธที่ 2 แห่งสหราชอาณาจักร ที่ทรงดำรงพระอิสริยยศนี้ยาวนานกว่า 50 ปี
พระราชสถานะ
[แก้]ในกัมพูชา
[แก้]ในราชสำนักกัมพูชายุคหลัง มีการสถาปนาสมเด็จพระราชชนนีพันปีหลวงว่า พระวรราชินี โดยมีสถานะเป็นเจ้า มีการเพ็ดทูลด้วยคำราชาศัพท์ มีลัญจกรประจำพระองค์[3] และมีพระราชอำนาจปกครองขุนนางผู้ใหญ่ผู้ดูแลจังหวัดไพรแวง อันลงราช และมุขกำปูล[4] มีรายพระนามเจ้าฝ่ายในที่ดำรงพระราชอิสริยยศพระวรราชินี ได้แก่
- สมเด็จพระวรราชินี (รศ) เป็นบาทบริจาริกาในสมเด็จพระนารายณ์รามาธิบดีศรีสุริโยพรรณ และเป็นพระราชชนนีในสมเด็จพระหริรักษ์รามมหาอิศราธิบดี
- สมเด็จพระวรราชินี (แป้น) เป็นพระเทพีในสมเด็จพระหริรักษ์รามมหาอิศราธิบดี และเป็นพระราชชนนีในพระบาทสมเด็จพระนโรดม บรมรามเทวาวตาร
- สมเด็จพระวรราชินี (เภา) หรือเพา เป็นพระเทพีในสมเด็จพระหริรักษ์รามมหาอิศราธิบดี และเป็นพระราชชนนีในพระบาทสมเด็จพระสีสุวัตถิ์ (สถาปนาหลังเสด็จสวรรคต)
- สมเด็จพระวรราชินี (วณ) เป็นบาทบริจาริกาในพระบาทสมเด็จพระสีสุวัตถิ์ และเป็นพระราชชนนีในพระบาทสมเด็จพระสีสุวัตถิ์ มุนีวงศ์[5]
ปัจจุบันราชสำนักกัมพูชามิได้ออกพระอิสริยยศแก่พระราชชนนีว่าพระวรราชินีแล้ว แต่ระบุในสร้อยพระนามเป็น พระวรราชมาดาชาติเขมร (ព្រះវររាជមាតាជាតិខ្មែរ) แก่เจ้าฝ่ายในพระองค์ล่าสุด คือ พระมหาวีรกษัตรีย์ นโรดม มุนีนาถ สีหนุ พระวรราชมาดาชาติเขมร
ในเกาหลี
[แก้]ราชวงศ์โชซ็อน
[แก้]มีรายพระนามเจ้านายฝ่ายในที่ดำรงพระราชอิสริยยศสมเด็จพระราชชนนีพันปีหลวง ได้แก่
- พระนางว็อนกย็อง สมเด็จพระราชินีในพระเจ้าแทจง และเป็นพระราชชนนีในพระเจ้าเซจงมหาราช
- พระนางช็องฮี สมเด็จพระราชินีในพระเจ้าเซโจ และเป็นพระราชชนนีในพระเจ้าเยจง
- พระนางช็องฮย็อน สมเด็จพระราชินีในพระเจ้าซ็องจง และเป็นพระราชชนนีในพระเจ้าชุงจง
- พระนางมุนจ็อง สมเด็จพระราชินีในพระเจ้าชุงจง และเป็นพระราชชนนีในพระเจ้ามย็องจง
- พระนางอินซ็อน สมเด็จพระราชินีในพระเจ้าฮโยจง และเป็นพระราชชนนีในพระเจ้าฮย็องจง
- พระนางมย็องซ็อง สมเด็จพระราชินีในพระเจ้าฮย็องจง และเป็นพระราชชนนีในพระเจ้าซุกจง
นอกจากนี้ยังมีเจ้านายฝ่ายในที่ได้รับการสถาปนาเป็นสมเด็จพระราชชนนีพันปีหลวง โดยที่มิได้เป็นสมเด็จพระราชินีมาก่อน อาจได้รับการสถาปนาพร้อมพระราชสวามีที่สวรรคตไปก่อนหน้านั้น หรือสถาปนาหลังจากเจ้านายฝ่ายในพระองค์นั้นสวรรคตแล้ว ได้แก่
- พระนางอินซู พระชายาในเจ้าชายรัชทายาทอึยกย็อง และเป็นพระราชชนนีในพระเจ้าซ็องจง
- พระนางฮเยกย็อง พระชายาในเจ้าชายรัชทายาทซาโด และเป็นพระราชชนนีในพระเจ้าช็องโจ
- พระนางซินจ็อง พระชายาในเจ้าชายรัชทายาทฮโยมย็อง และเป็นพระราชชนนีในพระเจ้าฮ็อนจง
ในเดนมาร์ก
[แก้]มีรายพระนามเจ้านายฝ่ายในที่ดำรงพระราชอิสริยยศสมเด็จพระราชชนนีพันปีหลวง ได้แก่
- สมเด็จพระราชินีลูอีส สมเด็จพระราชินีในสมเด็จพระเจ้าเฟรเดอริกที่ 8 และเป็นพระราชชนนีในพระเจ้าคริสเตียนที่ 10
- สมเด็จพระราชินีอเล็คซันดรีเนอ สมเด็จพระราชินีในพระเจ้าคริสเตียนที่ 10 และเป็นพระราชชนนีในสมเด็จพระเจ้าเฟรเดอริกที่ 9
- สมเด็จพระราชินีอิงกริด สมเด็จพระราชินีในสมเด็จพระเจ้าเฟรเดอริกที่ 9 และเป็นพระราชชนนีในสมเด็จพระราชินีนาถมาร์เกรเธอที่ 2
ในบริเตน
[แก้]ในบริเตน ตำแหน่งสมเด็จพระราชชนนีพันปีหลวง (queen mother) เป็นพระอิสริยยศสำหรับอดีตพระราชินีในรัชกาลก่อนและเป็นพระราชมารดาในพระมหากษัตริย์รัชกาลปัจจุบัน จะต่างจากสมเด็จพระราชินีวิธวา (queen dowager) ที่เป็นพระราชินีในรัชกาลก่อน แต่มิได้เป็นพระราชมารดาของพระมหากษัตริย์รัชกาลปัจจุบัน โดยเจ้านายที่ดำรงพระราชอิสริยยศที่สมเด็จพระราชชนนีพันปีหลวง ได้แก่
- สมเด็จพระราชินีอเล็กซานดรา สมเด็จพระราชินีในสมเด็จพระเจ้าเอ็ดเวิร์ดที่ 7 และเป็นพระราชชนนีในสมเด็จพระเจ้าจอร์จที่ 5
- สมเด็จพระราชินีแมรี สมเด็จพระราชินีในสมเด็จพระเจ้าจอร์จที่ 5 และเป็นพระราชชนนีในสมเด็จพระเจ้าเอ็ดเวิร์ดที่ 8 และสมเด็จพระเจ้าจอร์จที่ 6
- สมเด็จพระราชินีเอลิซาเบธ พระราชชนนี สมเด็จพระราชินีในสมเด็จพระเจ้าจอร์จที่ 6 และเป็นพระราชชนนีในสมเด็จพระราชินีนาถเอลิซาเบธที่ 2
ส่วนเจ้าหญิงวิกตอเรียแห่งซัคเซิน-โคบวร์ค-ซาลเฟลด์ เป็นพระราชชนนีของสมเด็จพระราชินีนาถวิกตอเรียนั้น ไม่นับว่าเป็นสมเด็จพระราชชนนีพันปีหลวง (queen mother) เพราะมีพระสวามีเป็นดยุกและมิได้เป็นพระมหากษัตริย์
ในไทย
[แก้]กรุงสุโขทัย
[แก้]จารึกวัดบูรพารามและจารึกวัดตาเถรขึงหนังเรียกตำแหน่งสมเด็จพระราชชนนีพันปีหลวงในราชวงศ์พระร่วงว่า พระกันโลง เช่น
กรุงศรีอยุธยาและธนบุรี
[แก้]ตำแหน่งสมเด็จพระราชชนนีพันปีหลวงในราชสำนักอยุธยาตอนปลายเรียกว่า กรมพระเทพามาตย์ ซึ่งตกทอดมาจนถึงรัชสมัยสมเด็จพระเจ้ากรุงธนบุรี[6] เจ้านายฝ่ายในที่ดำรงพระอิสริยยศที่กรมพระเทพามาตย์ เท่าที่ปรากฏพระนาม ได้แก่
- กรมพระเทพามาตย์ (กัน) เป็นพระมเหสีในสมเด็จพระเพทราชา และเป็นพระราชชนนีในสมเด็จพระสรรเพชญ์ที่ 8
- กรมพระเทพามาตุ (พลับ) (เดิมมีพระอิสริยยศที่ กรมหลวงพิพิธมนตรี)[7] เป็นพระมเหสีในสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวบรมโกศ เป็นพระราชชนนีในสมเด็จพระเจ้าอุทุมพร และสมเด็จพระที่นั่งสุริยาศน์อมรินทร์
- กรมพระเทพามาตย์ (นกเอี้ยง) เป็นพระราชชนนีในสมเด็จพระเจ้ากรุงธนบุรี
กรุงรัตนโกสินทร์
[แก้]ในช่วงรัตนโกสินทร์ ยังคงยึดบรรทัดฐานมาแต่ยุคกรุงศรีอยุธยาเป็นหลัก และใช้ตั้งพระนามสมเด็จพระราชชนนีพันปีหลวง ได้แก่ สมเด็จกรมพระอมรินทรามาตย์ (หรือ สมเด็จพระอมรินทรามาตย์)[8], สมเด็จกรมพระศรีสุริเยนทรามาตย์ และกรมสมเด็จพระเทพศิรินทรามาตย์ เป็นต้น เมื่อจะออกพระนามก็จะเรียกว่า "สมเด็จพระพันปีหลวงกรมพระเทพามาตย์" ต่อมาในรัชสมัยพระบาทสมเด็จพระพุทธเลิศหล้านภาลัย มีการเปลี่ยนชื่อเจ้ากรม โดยเติมคำว่า "สมเด็จ" นำหน้าพระนามพระราชชนนี เป็น "สมเด็จกรมพระอมรินทรามาตย์" คือ "สมเด็จ (ของ) กรมพระอมรินทรามาตย์"[9] ล่วงมาในรัชสมัยพระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัวมีพระราชบัญญัติพระนามใหม่ให้มีกรมนำหน้าสมเด็จ จึงออกพระนามเป็น "กรมสมเด็จพระศรีสุริเยนทรามาตย์" แล้วไม่พบความแตกต่างกับกรมสมเด็จพระองค์อื่น ๆ จึงเติมลำดับศักดิ์ต่อท้ายเป็น "กรมสมเด็จพระศรีสุริเยนทรามาตย์ สมเด็จพระบรมราชชนนี"[10] ครั้นรัชสมัยพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว มีพระราชวินิจฉัยที่จะออกพระนามสมเด็จพระพันปีหลวงเป็น "สมเด็จพระบรมราชชนนี กรมพระเทพศิรินธรามาตย์" หรือเรียกอย่างย่อว่า "สมเด็จกรมพระเทพศิรินธรามาตย์" ส่วนพระนามของสมเด็จพระพันปีหลวงพระองค์อื่น มีคำนำหน้าพระนามแตกต่างกันตามลำดับเครือญาติ ได้แก่ สมเด็จพระบรมราชไปยิกา กรมพระอมรินทรามาตย์, สมเด็จพระบรมราชไอยิกา กรมพระศรีสุริเยนทรามาตย์ และสมเด็จพระราชมหาไปยิกา กรมพระศรีสุลาไลย และเรียกพระนามอย่างย่อรูปแบบเดียวกันแต่ต่างที่พระนามของแต่ละพระองค์[11]
กระทั่งในรัชสมัยพระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัวทรงได้รับอิทธิพลจากชาติตะวันตก จึงโปรดให้เฉลิมพระปรมาภิไธยแก่สมเด็จพระบรมราชชนนีว่า "สมเด็จพระศรีพัชรินทราบรมราชินีนาถ พระบรมราชชนนี"[12] ภายหลังเพิ่มเติมอีกครั้งว่า "สมเด็จพระศรีพัชรินทราบรมราชินีนาถ พระบรมราชชนนีพระพันปีหลวง"[13] ตามลำดับ และทรงแก้ไขพระนามพระบรมอัฐิของสมเด็จพระอัครมเหสีและพระราชชนนีในรัชกาลก่อนทั้งสิ้น โดยทรงตัดคำว่า "มาตย์" อันเป็นชื่อขุนนางเจ้ากรมออก แล้วเพิ่มคำว่า "พระบรมราชินี" ลงไป[14] อันเป็นแบบแผนในการปรับใช้มาจนถึงปัจจุบัน มีพระนามดังต่อไปนี้[15]
- สมเด็จพระอมรินทราบรมราชินี (พ.ศ. 2280–2369) เป็นพระอรรคชายาเดิมในพระบาทสมเด็จพระพุทธยอดฟ้าจุฬาโลกมหาราช และเป็นสมเด็จพระบรมราชชนนีพันปีหลวงในพระบาทสมเด็จพระพุทธเลิศหล้านภาลัย
- สมเด็จพระศรีสุริเยนทราบรมราชินี (พ.ศ. 2310–2379) เป็นสมเด็จพระพันวษาในพระบาทสมเด็จพระพุทธเลิศหล้านภาลัย และเป็นสมเด็จพระบรมราชชนนีพันปีหลวงในพระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว (สถาปนาหลังเสด็จสวรรคต)
- สมเด็จพระศรีสุลาลัย (พ.ศ. 2314–2380) เป็นพระสนมเอกในพระบาทสมเด็จพระพุทธเลิศหล้านภาลัย และเป็นสมเด็จพระบรมราชชนนีพันปีหลวง[ก]ในพระบาทสมเด็จพระนั่งเกล้าเจ้าอยู่หัว
- สมเด็จพระเทพศิรินทราบรมราชินี (พ.ศ. 2377–2404) เป็นพระราชเทวีในพระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว และเป็นสมเด็จพระบรมราชชนนีพันปีหลวงในพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว (สถาปนาหลังเสด็จสวรรคต)
- สมเด็จพระศรีพัชรินทราบรมราชินีนาถ พระบรมราชชนนีพันปีหลวง (พ.ศ. 2407–2462) เป็นสมเด็จพระบรมราชินีนาถในพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว และเป็นสมเด็จพระบรมราชชนนีพันปีหลวงในพระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัวและพระบาทสมเด็จพระปกเกล้าเจ้าอยู่หัว
- สมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ พระบรมราชชนนีพันปีหลวง (พ.ศ. 2475–ปัจจุบัน) เป็นสมเด็จพระบรมราชินีนาถในพระบาทสมเด็จพระมหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราช บรมนาถบพิตร และเป็นสมเด็จพระบรมราชชนนีพันปีหลวงในพระบาทสมเด็จพระวชิรเกล้าเจ้าอยู่หัว
ส่วนสมเด็จพระศรีนครินทราบรมราชชนนีไม่นับว่าเป็นสมเด็จพระบรมราชชนนีพันปีหลวง เพราะพระสวามีมิใช่พระมหากษัตริย์ จึงจัดเป็นเจ้าหญิงพระราชชนนี (princess mother) ส่วนสมเด็จพระนางเจ้าอินทรศักดิศจี พระบรมราชินีในรัชกาลที่ 6 มิได้ประสูติการพระราชโอรสและยังถูกลดพระยศเป็นสมเด็จพระวรราชชายา จึงนับเป็นเจ้าหญิงพระวรราชชายา (Her Royal Highness Princess Woraracha Chaya) และสมเด็จพระนางเจ้ารำไพพรรณี พระบรมราชินีในรัชกาลที่ 7 นั้นไม่มีพระราชโอรสสืบราชสมบัติจึงมิได้สถาปนาเป็นสมเด็จพระบรมราชชนนีพันปีหลวง แต่เป็นสมเด็จพระราชินีวิธวา (queen dowager)
ล้านนา
[แก้]ตำแหน่งสมเด็จพระราชชนนีพันปีหลวงในราชวงศ์มังรายแห่งอาณาจักรล้านนาจะเรียกว่า มหาเทวี[16][ข] ซึ่งตำแหน่งมหาเทวีนี้ครอบคลุมไปถึงพระราชชนนีของรัชกาลปัจจุบันที่มิได้เป็นพระมเหสีในพระมหากษัตริย์รัชกาลก่อน ดังพระราชชนนีในพญายอดเชียงราย[17] มหาเทวีหลายพระองค์ล้วนมีพระราชอำนาจสูงในราชสำนักแม้ว่าพระราชสวามีจะถูกถอดถอนหรือปลงพระชนม์ แต่พระมหาเทวีก็ยังคงมีอำนาจอยู่เบื้องหลังราชสำนัก[18] และยังมีบทบาทในการปกครองอาณาจักรร่วมกับพระราชโอรส โดยในหลักฐานมีการเรียกมหาเทวีและกษัตริย์ว่า "พระเป็นเจ้าสองพระองค์" และ "พระเป็นเจ้าแม่ลูกทั้งสอง"[19][20][21][22] นอกจากนี้บางพระองค์ได้แหวกจารีตขึ้นมามีบทบาทครองอำนาจในฐานะพระมหากษัตริย์ก็มี[18] เท่าที่ปรากฏพระนามได้แก่
- พระนางจิตราเทวี เป็นพระมเหสีในพญาผายู เป็นพระราชชนนีในพญากือนา[23]
- พระนางยสุนทราเทวี เป็นพระมเหสีในพญากือนา เป็นพระราชชนนีในพญาแสนเมืองมา[24]
- พระนางติโลกจุฑาเทวี เป็นพระมเหสีในพญาแสนเมืองมา เป็นพระราชชนนีในพญาสามฝั่งแกน[25][26]
- แม่พระพิลก เป็นพระมเหสีในพญาสามฝั่งแกน เป็นพระราชชนนีในพระเจ้าติโลกราช[27][28]
- พระนางสิริยศวดีเทวี เป็นพระมเหสีในพญายอดเชียงราย เป็นพระราชชนนีในพระเมืองแก้ว[29]
- พระนางจิรประภาเทวี เป็นพระมเหสีในพระเมืองเกษเกล้า และเป็นพระราชชนนีในท้าวซายคำ[18]
- พระนางวิสุทธิเทวี เป็นพระราชชนนีในพระเจ้าเมกุฏิสุทธิวงศ์[30][31]
ในตุรกี
[แก้]ในยุคจักรวรรดิออตโตมัน แต่เดิมใช้ธรรมเนียมเรียกสมเด็จพระราชชนนีพันปีหลวงอย่างเปอร์เซียว่า มะฮ์ด-อี อิวล์ยา (ตุรกี: mehd-i ülya; เปอร์เซีย: مهد علیا)[32] ซึ่งภายหลังได้เรียกตำแหน่งสำหรับสมเด็จพระราชชนนีพันปีหลวงว่า วาลีเดซุลตาน (ตุรกี: Valide sultan, ตุรกีออตโตมัน: والده سلطان แปลตรงตัวว่า "พระชนนีของสุลต่าน") สำหรับสุลต่านหญิง (Sultana) ผู้เป็นพระชายาในสุลต่านรัชกาลก่อน และเป็นพระราชชนนีของสุลต่านรัชกาลปัจจุบัน[32] วาลีเดซุลตันพระองค์แรกคือฮัฟซา ซุลตาน (Hafsa Sultan, حفصه سلطان) พระชายาในสุลต่านเซลิมที่ 1 และเป็นพระราชชนนีของสุลต่านสุลัยมานผู้เกรียงไกร
ตำแหน่งวาลีเดซุลตันนี้เป็นพระอิสริยยศและพระราชอำนาจรองจากสุลต่าน ตามธรรมเนียมอิสลามคือ "สิทธิของบุพการีคือสิทธิของพระผู้เป็นเจ้า"[33] วาลีเดซุลตันทรงมีพระราชอำนาจยิ่งในพระราชสำนัก, มีห้องส่วนพระองค์ (ที่มักอยู่ติดกับห้องของพระราชโอรสผู้เป็นสุลต่าน) และมีพระราชอำนาจเหนือบรรดาข้าราชการ[32] ในคริสต์ศตวรรษที่ 17 ช่วงเวลานั้นวาลีเดซุลตันทรงมีพระราชอำนาจเหนือสุลต่านวัยเยาว์ จึงถูกเรียกว่า "รัฐสุลต่านของฝ่ายใน"[34]
ในสวีเดน
[แก้]มีรายพระนามเจ้านายฝ่ายในที่ดำรงพระราชอิสริยยศสมเด็จพระราชชนนีพันปีหลวง ได้แก่
- สมเด็จพระราชินีเดซีเร สมเด็จพระราชินีในพระเจ้าคาร์ลที่ 14 โยฮัน และเป็นพระราชชนนีในพระเจ้าออสการ์ที่ 1
- สมเด็จพระราชินีโซเฟีย สมเด็จพระราชินีในสมเด็จพระเจ้าออสการ์ที่ 2 และเป็นพระราชชนนีในสมเด็จพระเจ้ากุสตาฟที่ 5
อ้างอิง
[แก้]- หมายเหตุ
ก ใน พระพงศาวดารกรุงรัตนโกสินทร์ รัชกาลที่ 3 ระบุว่าสมเด็จพระศรีสุลาลัยเป็นสมเด็จพระพันปีหลวง[35] ข มหาเทวี มีความหมายกว้าง ๆ อาจหมายถึง "พระราชเทวี หรือนางกษัตริย์ ส่วนใหญ่หมายถึงพระบรมราชชนนีของพระมหากษัตริย์"[36]
- เชิงอรรถ
- ↑ A queen mother is defined as "A Queen dowager who is the mother of the reigning sovereign" by both the Oxford English Dictionary and Webster's Third New International Dictionary.
- ↑ Oxford English Dictionary
- ↑ เรืองเดชอนันต์ (ทองดี ธนรัชต์), พันตรี หลวง. ราชพงษาวดารกรุงกัมพูชา. กรุงเทพฯ : ไทยควอลิตี้บุ๊คส์ (2006), 2563, หน้า 267
- ↑ เรืองเดชอนันต์ (ทองดี ธนรัชต์), พันตรี หลวง. ราชพงษาวดารกรุงกัมพูชา. กรุงเทพฯ : ไทยควอลิตี้บุ๊คส์ (2006), 2563, หน้า 277
- ↑ กรมพระดำรงราชานุภาพ, พระเจ้าบรมวงศเธอ. ลัทธิธรรมเนียมต่าง ๆ ภาคที่ 21 เรื่องพิธีราชาภิเษกสมเด็จพระมณีวงศ พระเจ้ากรุงกัมพูชา สมเด็จพระเจ้าบรมวงศเธอ เจ้าฟ้ากรมพระยานริศรานุวัดติวงศ์ ทรงแปลถอดจากภาษาเขมร. พระนคร : โสภณพิพรรฒนากร, 2472, หน้า 1
- ↑ David K. Wyatt. Thailand: A Short History. Yale University Press. p. 140.
- ↑ เล็ก พงษ์สมัครไทย. เฉลิมพระยศ เจ้านายฝ่ายในในรัชกาลที่ ๑-๙. กรุงเทพฯ : ฐานบุ๊คส์, 2552, หน้า 16
- ↑ ทิพากรวงศมหาโกษาธิบดี (ขำ บุนนาค), เจ้าพระยา. พระราชพงศาวดารกรุงรัตนโกสินทร์ รัชกาลที่ 3. กรุงเทพฯ : ไทยควอลิตี้บุ๊คส์ (2006), 2560, หน้า 67, 97
- ↑ จุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว, พระบาทสมเด็จพระ. พระราชวิจารณ์ ใน พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว เรื่องจดหมายความทรงจำของพระเจ้าไปยิกาเธอ กรมหลวงนรินทรเทวี (เจ้าครอกวัดโพธิ์) ตั้งแต่ จ.ศ. 1129 ถึง 1182 เป็นเวลา 53 ปี. กรุงเทพฯ : ศรีปัญญา, 2552, หน้า 194
- ↑ จุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว, พระบาทสมเด็จพระ. พระราชวิจารณ์ ใน พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว เรื่องจดหมายความทรงจำของพระเจ้าไปยิกาเธอ กรมหลวงนรินทรเทวี (เจ้าครอกวัดโพธิ์) ตั้งแต่ จ.ศ. 1129 ถึง 1182 เป็นเวลา 53 ปี. กรุงเทพฯ : ศรีปัญญา, 2552, หน้า 195-196
- ↑ จุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว, พระบาทสมเด็จพระ. พระราชวิจารณ์ ใน พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว เรื่องจดหมายความทรงจำของพระเจ้าไปยิกาเธอ กรมหลวงนรินทรเทวี (เจ้าครอกวัดโพธิ์) ตั้งแต่ จ.ศ. 1129 ถึง 1182 เป็นเวลา 53 ปี. กรุงเทพฯ : ศรีปัญญา, 2552, หน้า 201
- ↑ ราชกิจจานุเบกษา, ประกาศเฉลิมพระปรมาภิไธย, เล่ม ๒๗, ตอน ๐ง, ๔ ธันวาคม พ.ศ. ๒๔๕๓, หน้า ๒๐๒๒
- ↑ ราชกิจจานุเบกษา, พระราชพิธี คำถวายชัยมงคลของข้าทูลละอองธุลีพระบาท แด่สมเด็จพระศรีพัชรินทราบรมราชินีนารถ พระบรมราชชนนีพระพันปีหลวง, เล่ม ๓๒, ตอน ง, ๙ มกราคม พ.ศ. ๒๔๕๘, หน้า ๒๓๙๒
- ↑ ดารณี ศรีหทัย. สมเด็จรีเยนต์. กรุงเทพฯ : มติชน, 2554, หน้า 81-82
- ↑ "พระราชหัตถ์เลขาส่วนพระองค์ สมเด็จพระรามาธิบดี ศรีสินทรมหาจุฬาลงกรณ์ พระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว ทรงมีพระราชทานแด่ สมเด็จพระศรีพัชรินทรา บรมราชินีนารถ พระบรมราชชนนี ในเวลาที่ทรงสำเร็จราชการแผ่นดินต่างพระองค์ เมื่อเสด็จพระราชดำเนินประพาศยุโรป พ.ศ. ๒๔๔๐ พระราชประวัติสังเขป". วชิรญาณ. สืบค้นเมื่อ 6 พฤษภาคม 2563.
{{cite web}}
: ตรวจสอบค่าวันที่ใน:|accessdate=
(help) - ↑ สรัสวดี อ๋องสกุล, ศาสตราจารย์. ประวัติศาสตร์ล้านนา. พิมพ์ครั้งที่ 6. กรุงเทพฯ:อมรินทร์, 2552. หน้า 272
- ↑ "จารึกวัดพวกชอด". ฐานข้อมูลจารึกในประเทศไทย ศูนย์มานุษยวิทยาสิรินธร (องค์มหาชน). สืบค้นเมื่อ 12 พฤศจิกายน 2559.
{{cite web}}
: ตรวจสอบค่าวันที่ใน:|accessdate=
(help)[ลิงก์เสีย] - ↑ 18.0 18.1 18.2 สุเนตร ชุตินธรานนท์. ดร. พม่ารบไทย. พิมพ์ครั้งที่ 10. กรุงเทพฯ : มติชน, 2554. หน้า 287-290
- ↑ ประชุมศิลาจารึก ภาคที่ 3. คณะกรรมการจัดการพิมพ์เอกสารทางประวัติศาสตร์ วัฒนธรรม และโบราณคดี สำนักนายกรัฐมนตรี, 2508, หน้า 195
- ↑ ประชุมศิลาจารึก ภาคที่ 3. คณะกรรมการจัดการพิมพ์เอกสารทางประวัติศาสตร์ วัฒนธรรม และโบราณคดี สำนักนายกรัฐมนตรี, 2508, หน้า 198
- ↑ ประชุมศิลาจารึก ภาคที่ 4. คณะกรรมการจัดการพิมพ์เอกสารทางประวัติศาสตร์ วัฒนธรรม และโบราณคดี สำนักนายกรัฐมนตรี, 2508, หน้า 112
- ↑ สุจิตต์ วงษ์เทศ (บรรณาธิการ). ประชุมศิลาจารึกเมืองพะเยา. กรุงเทพฯ : มติชน, หน้า 263
- ↑ เฉลิมวุฒิ ต๊ะคำมี. ความสัมพันธ์ระหว่างชนชั้นปกครองของล้านนาและสุโขทัย : ข้อคิดใหม่และข้อสังเกตบางประการ. กรุงเทพฯ : สำนักพิมพ์จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย, 2559, หน้า 6
- ↑ เฉลิมวุฒิ ต๊ะคำมี. ความสัมพันธ์ระหว่างชนชั้นปกครองของล้านนาและสุโขทัย : ข้อคิดใหม่และข้อสังเกตบางประการ. กรุงเทพฯ : สำนักพิมพ์จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย, 2559, หน้า 48
- ↑ สรัสวดี อ๋องสกุล. ประวัติศาสตร์ล้านนา. พิมพ์ครั้งที่ 6. กรุงเทพฯ : อมรินทร์, 2552, หน้า 228
- ↑ เฉลิมวุฒิ ต๊ะคำมี. ความสัมพันธ์ระหว่างชนชั้นปกครองของล้านนาและสุโขทัย : ข้อคิดใหม่และข้อสังเกตบางประการ. กรุงเทพฯ : สำนักพิมพ์จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย, 2559, หน้า 48
- ↑ พิเศษ เจียจันทร์พงษ์. การเมืองในประวัติศาสตร์ ยุคสุโขทัย-อยุธยา พระมหาธรรมราชา กษัตราธิราช. พิมพ์ครั้งที่ 2. กรุงเทพฯ : มติชน, 2553, หน้า 48
- ↑ เพ็ญสุภา สุขคตะ ใจอินทร์. (27 กรกฎาคม 2555). "ใครคือ “มหาเทวีแม่ลูกสอง” ผู้มิใช่ “มหาเทวีสองแม่ลูก”". มติชนสุดสัปดาห์. 32:1667, หน้า 76
- ↑ สรัสวดี อ๋องสกุล. ประวัติศาสตร์ล้านนา. พิมพ์ครั้งที่ 6. กรุงเทพฯ : อมรินทร์, 2552, หน้า 168
- ↑ สุเนตร ชุตินธรานนท์. ดร. พม่ารบไทย. พิมพ์ครั้งที่ 10. กรุงเทพฯ : มติชน, 2554. หน้า 293
- ↑ สรัสวดี อ๋องสกุล. ประวัติศาสตร์ล้านนา. พิมพ์ครั้งที่ 6. กรุงเทพฯ : อมรินทร์, 2552, หน้า 273
- ↑ 32.0 32.1 32.2 Davis, Fanny (1986). "The Valide". The Ottoman Lady: A Social History from 1718 to 1918. ISBN 0-313-24811-7.
- ↑ "Can Muslims Celebrate Mother's Day?". Belief.net. สืบค้นเมื่อ August 22, 2016.
- ↑ Peirce, Leslie P., The Imperial Harem: Women and Sovereignty in the Ottoman Empire, Oxford University Press, 1993, ISBN 0-19-508677-5 (paperback)
- ↑ ทิพากรวงศมหาโกษาธิบดี (ขำ บุนนาค), เจ้าพระยา. พระราชพงศาวดารกรุงรัตนโกสินทร์ รัชกาลที่ 3. กรุงเทพฯ : ไทยควอลิตี้บุ๊คส์ (2006), 2560, หน้า191
- ↑ เหมันต สีหศักกพงศ์ สุนทร, นาวาตรี. "ปราสาทนกหัสดีลิงค์แห่งแผ่นดินล้านนา". งานพระเมรุ: ศิลปสถาปัตยกรรม ประวัติศาสตร์ และวัฒนธรรมเกี่ยวเนื่อง. กรุงเทพฯ : มติชน, 2560, หน้า 55