[go: up one dir, main page]

ข้ามไปเนื้อหา

ทัลซา

พิกัด: 36°07′53″N 95°56′14″W / 36.13139°N 95.93722°W / 36.13139; -95.93722
จากวิกิพีเดีย สารานุกรมเสรี
ทัลซา

Tulsa
ธงของทัลซา
ธง
ตราอย่างเป็นทางการของทัลซา
ตรา
สมญา: 
เมืองหลวงแห่งน้ำมันของโลก
(Oil Capital of the World)
เมืองที่สวยที่สุดในอเมริกา
(America's Most Beautiful City)
T-Town, The 918
ที่ตั้งของเมืองทัลซาในรัฐโอคลาโฮมา
ที่ตั้งของเมืองทัลซาในรัฐโอคลาโฮมา
พิกัด: 36°07′53″N 95°56′14″W / 36.13139°N 95.93722°W / 36.13139; -95.93722
ประเทศสหรัฐอเมริกา
รัฐโอคลาโฮมา
เคาน์ตีทัลซา, ออสเซจ,
วาโกเนอร์, โรเจอร์ส
ก่อตั้ง18 มกราคม ค.ศ. 1898 (พ.ศ. 2440)
การปกครอง
 • ประเภทสภานายกเทศมนตรี
 • นายกเทศมนตรีเคธี เทย์เลอร์ (D)
พื้นที่
 • นคร483.8 ตร.กม. (186.8 ตร.ไมล์)
 • พื้นดิน473.1 ตร.กม. (182.7 ตร.ไมล์)
 • พื้นน้ำ10.9 ตร.กม. (4.2 ตร.ไมล์)
ความสูง194 เมตร (722 ฟุต)
ประชากร
 (2007)
 • นคร385,635 คน
 • ความหนาแน่น819.91 คน/ตร.กม. (2,152.0 คน/ตร.ไมล์)
 • รวมปริมณฑล916,079 คน
เขตเวลาUTC-6 (CST)
 • ฤดูร้อน (เวลาออมแสง)UTC-5 (CDT)
รหัสพื้นที่918
รหัส FIPS40-75000
รหัส GNIS1100962
เว็บไซต์www.cityoftulsa.org

ทัลซา (อังกฤษ: Tulsa, เสียงอ่านภาษาอังกฤษ: /ˈtʌlsə, ทัลเซอะ/) เป็นเมืองใหญ่อันดับสองของรัฐโอคลาโฮมา รองจากเมืองโอคลาโฮมาซิตี และใหญ่เป็นอันดับที่ 45 ของสหรัฐอเมริกา มีประชากร 385,635 คนในปี ค.ศ. 2008,[1] ทัลซายังเป็นเมืองหลักของเขตนครทัลซาและปริมณฑลซึ่งมีประชากรทั้งหมด 916,079 คน[2] และคาดว่าจะมีประชากรถึงหนึ่งล้านคนในระหว่างปี ค.ศ. 2010 ถึง 2012[3] ทัลซาตั้งอยู่ในทัลซาเคาน์ตี เคาน์ตีที่มีความหนาแน่นของประชากรมากที่สุดในรัฐโอคลาโฮมา[4] และยังครอบคลุมถึงออสเซจเคาน์ตี วาโกเนอร์เคาน์ตี และโรเจอร์สเคาน์ตี[1]

ทัลซามีการตั้งถิ่นฐานตั้งแต่ทศวรรษที่ 1830 โดยชาวครีค ซึ่งเป็นชนพื้นเมืองอเมริกา ในปี ค.ศ. 1921 มีเหตุการณ์การจลาจลครั้งรุนแรง เป็นเหตุการณ์รุนแรงที่สุดครั้งหนึ่งในประวัติศาสตร์สหรัฐอเมริกา[5] ต่อมาในคริสต์วรรษที่ 20 ทัลซาได้รับการขนานนามว่าเป็น เมืองหลวงแห่งน้ำมันของโลก (อังกฤษ: Oil Capital of the World) ซึ่งมีที่มาโดยเมืองนี้เป็นศูนย์กลางของอุตสาหกรรมน้ำมันขนาดใหญ่ที่สุดแห่งหนึ่งของสหรัฐอเมริกา[6] เมืองทัลซา และเมืองอื่นๆ ที่ใกล้เคียง ได้เรียกร้องสิทธิ์ให้เป็นจุดกำเนิดของทางหลวงสหรัฐหมายเลข 66 ทัลซายังเป็นที่รู้จักกันดีเกี่ยวกับดนตรีแนวเวสเทิร์นสวิง[7]

ก่อนหน้านั้นเมืองได้พึ่งพาเฉพาะอุตสาหกรรมน้ำมัน แต่หลังจากการเปลี่ยนแปลงทางเศรษฐกิจใหม่ๆ ทำให้เกิดฐานทางเศรษฐกิจด้านพลังงาน การเงิน การบิน โทรคมนาคม และเทคโนโลยี[8] และมีสถาบันอุดมศึกษาสองแห่งที่อยู่ในเมือง ซึ่งควบคุมดูแลโดย NCAA ได้แก่มหาวิทยาลัยโอรัล โรเบิร์ตส และมหาวิทยาลัยทัลซา

ทัลซาตั้งอยู่ในร่องทอร์นาโด (Tornado Alley) ซึ่งมักจะเกิดสภาพอากาศที่รุนแรง และเมืองยังตั้งอยู่ติดแม่น้ำอาร์คันซอ บริเวณเชิงเขาภูเขาโอซาร์คทางตะวันออกเฉียงเหนือของโอคลาโฮมา[9][10] ประชาชนที่อาศัยอยู่ในเมืองทัลซาเรียกว่า ชาวทัลซานส์ (Tulsans)

เมืองพี่น้อง

[แก้]

ทัลซามีเมืองพี่น้องทั้งหมด 8 เมือง[11] ดังนี้

อ้างอิง

[แก้]
  1. 1.0 1.1 "Subcounty population estimates: Oklahoma 2000-2006" (CSV). United States Census Bureau, Population Division. 2007-06-28. สืบค้นเมื่อ 2008-05-06.
  2. Morgan, Rhett (2008-03-27). "Stillwater's growth tops in Oklahoma". Tulsa World. คลังข้อมูลเก่าเก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 2008-09-19. สืบค้นเมื่อ 2008-03-29.
  3. Bell, Leigh (2007-04-05). "Metro Area growth nearing 7 digits". Tulsa World. สืบค้นเมื่อ 2007-04-13.
  4. "Area Overview of Tulsa County". DataPlace. คลังข้อมูลเก่าเก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 2007-09-28. สืบค้นเมื่อ 2007-05-05.
  5. Ellsworth, Scott. "The Tulsa Race Riot". Tulsa Reparations. คลังข้อมูลเก่าเก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 2013-12-10. สืบค้นเมื่อ 2007-04-20.
  6. Everly-Douze, Susan (August 27, 1989). "What's Doing in Tulsa?". New York Times. สืบค้นเมื่อ 2007-04-14.
  7. Elliott, Matt (2007-03-25). "Cain's Ballroom - A Music Icon: Venue is a landmark for Western swing, punk fans". Tulsa World. สืบค้นเมื่อ 2007-04-20.
  8. "Business Opportunities". Tulsa Metro Chamber of Commerce. คลังข้อมูลเก่าเก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 2006-09-01. สืบค้นเมื่อ 2006-04-14.
  9. Kapoor, Tarun (2007-04-19). "Business Viewpoint: Private sector plays big downtown role". Tulsa World. สืบค้นเมื่อ 2007-05-05.
  10. "Tulsa, Oklahoma: Recreation". City Data. 2006. สืบค้นเมื่อ 2007-05-06.
  11. "Tulsa's Sister Cities". Tulsa Gobal Alliance. สืบค้นเมื่อ 2012-08-05.

แหล่งข้อมูลอื่น

[แก้]